วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสะสม พระสุนทรีวาณี

พระสุนทรีวาณี
พระสุนทรีวาณี
เป็นพระที่ผมได้มาเพราะความบังเิอิญ เนื่องจากมีคนแก่ได้มอบให้
จากที่ไม่เคยได้รู้จัก เมื่อค้นหาประวัติพระสุนทรีวาณีนี้แล้ว
ก็ทำให้รู้สีกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากครับ

ประวัติ..พระสุนทรีวาณี
เป็นพระปางพิเศษ เป็นรูปเทพธิดาทรงอาภรณ์อันงดงามวิจิตร
หัตถ์ขวาแสดงอาการกวัก คือ การเรียกเข้ามาหา
หัตถ์ซ้ายหงายอยู่บนพระเพลา (หน้าตัก)
มีดวงแก้ววิเชียร (เพชร) อยู่ในหัตถ์

พระสุนทรีวาณี เป็นพระซึ่งเกิดจากการนิมิต
แห่งพระคาถาสุนทรีวาณี
ซึ่งเป็นคาถาที่ปรากฎ ในคัมภีร์สัททาวิเสส มี ๓๒ คำ

พระคาถานี้เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์
ผู้ใดเมื่อเรียนพระไตรปิฎก เรียนพระธรรม
เรียนวิชา ภาวนาแล้ว ดับอวิชชา บังเกิดปัญญางาม
ปัญญากลายเป็นสัญญา คือ ความทรงจำอันเลิศล้ำ
โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้ท่องทุกครั้ง
ที่เรียนพระไตรปิฎกตลอดมา

สืบได้ความว่า ผู้ที่ท่องคาถานี้เฉพาะในยุครัตนโกสินทร์
ดำรงสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ๓ พระองค์
เป็นพระสมเด็จ พระราชาคณะ เป็นพระคณาจารย์ผู้มากด้วยเมตตา

คาถาพระสุนทรีวาณี

ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)


มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตังมะนัง

ถ้าอยากให้มีผลทางด้านค้าขาย โชคลาภ ให้ภาวนาเพิ่มว่า


เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
โส มานิมา ฤ ฤา ฦ ฦา
สา มานิมา ฤ ฤา ฦ ฦา

(ฤ ฤา ออกเสียงว่า ลึ ลือ / ฦ ฦา ออกเสียงว่า รึ รือ)

 อนึ่ง พระสุนทรีวาณี เป็นพระที่ทรงไว้ด้วยความเมตตาอย่างสูง
เป็นพระที่เป็นสิริมงคลมหาลาภต่างๆ จึงเหมาะแก่ห้างร้าน บริษัท
และร้านค้าทั่วจะมีไว้บูชาเพื่อเจริญด้วยลาภ ยศ ความสุข สรรเสริญ
ตลอดจนการเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานของตน

พระคาถานี้บริกรรมจึงพบความอัศจรรย์ว่า
“ผู้ใดปัญญาดี จะสามารถเรียนวิชาทุกประการ และจำได้แม่นยำ
ผู้ใดปัญญาไม่ดีนัก บริกรรมแล้วจะเป็นวาสนามหานิยม”



สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวัฑฒโน)
อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ ๓ ของวัดสุทัศนเทพวราราม
ภาวนาแล้วเกิดเป็นนิมิต จึงให้จิตรกรหลวงเขียนภาพนิมิตนั้น
แล้วตั้งบูชาที่หัวนอน

ครั้นต่อมารัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรป
จึงเสด็จไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ ว่า...
“โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ
มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม
โยมมีความกังวลใจ ๒ เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง
และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ
พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง”
เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เข้ากุฏิ
แล้วเขียนพระคาถาสุนทรีวาณีถวาย
ทั้งได้ถวายพระพรว่า “ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัย
ในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ
ก็จะเกิดองค์ฌาน สมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย”
       เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จกลับสยามประเทศ
ได้เสด็จไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง)
แล้วตรัสเล่าว่า “พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์
โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่ง
ขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยาบยวบทั้้งลำเรือ
พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่
รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด
ฝรั่งจะทำให้อับอายขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ
บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย
เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง (ม้าตัวนั้นก็คือม้าตัวที่ทรงที่บรมราชานุสาวรีย์
หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมนี้เอง จึงเป็นม้าที่ยืนด้วยความเชื่อง
มิใช่เลียนอนุสาวรีย์แบบฝรั่งสร้างทั่วไป)

จึงได้ตรัสว่าคาถานี้ศักดิ์สิทธิ์  เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงตรัสแล้ว
จึงถามประวัติพระคาถา สมเด็จพระวันรัต (แดง)
ถวายพระพรเล่าที่มาแล้ว จึงอัญเชิญเสด็จเข้าในกุฏิ
ให้ทอดพระเนตรภาพจิตรกรรมพระสุนทรีวาณี
พระพุทธเจ้าหลวงทรงเลื่อมใสยิ่ง
จึงออกพระโอษฐ์ยืมไปบูชาเป็นเวลา ๕ ปี

       จนเมื่อสมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธ ก่อนมรณภาพ
จึงขอพระราชทานคืนวัด
ปัจจุบันประดิษฐานที่ พระตำหนัก (คณะ ๖) วัดสุทัศนเทพวราราม
ได้มีการสร้างเหรียญ และเหรียญหล่อแล้วหลายครั้ง
พร้อมกับหล่อองค์บูชาขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว ไว้ด้วย

สำหรับ พระสงฆ์ที่บริกรรมพระคาถานี้ในยุครัตนโกสินทร์  
คือสมเด็จพระสังฆราช (สุก) เสกข้าวให้ไก่ป่ากินไก่ป่ายังเชื่อง
สมเด็จพระวันรัต (แดง)
สมเด็จพระสังฆราช (แพ)
สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศฯ
พระวิสุทธาธิบดี (ไสว) วัดไตรมิตรวิทยาราม
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดไร่ขิง ท่านเขียนจิตรกรรมไว้ที่วัดไร่ขิงด้วย
พระเทพสุวรรณโมลี (สอิ้ง) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี รูปปัจจุบัน
หลวงพ่อทอง จังหวัดสงขลา
หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
 พระคณาจารย์สายวัดสุทัศน์ฯ
เมื่อจะเข้าสู่การบริกรรมเสกวัตถุมงคลและลงอักขระ เลขยันต์
ก็บริกรรมคาถาพระสุนทรีวาณี ทุกรูปไป

พระคาถาสุนทรีวาณี

มุนินทะ วะทะนัมพุชะ        
คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี       
มัยหัง ปิณะยะตัง มะนัง ฯ

       “ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนานางฟ้า คือพระไตรปิฎก
ผู้มีรูปอันงาม เกิดแต่ท้องประทุมชาติ คือพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นใหญ่กว่านักปราชญ์ทั้งหลาย มะนัง ขอจงมาสู่มโนของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติละเสียซึ่งอาสวะกิเลส ที่ดองอยู่ในสันดานของข้าพเจ้า
ทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง  และอย่างละเอียดให้สิ้นไปเสื่อมไป
ข้าพเจ้าจะไม่ทำให้เป็นอัตตกิลมถานุโยค ไม่ทำให้ลำบากแก่สังขาร”

 ที่มา เวปwww.katitham.com (พระราชวิจิตรปฏิภาณ)
                                             ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม
                                                   วัดสุทัศนเทพวราราม
                                                     กรุงเทพมหานคร



ที่มา เวปพลังจิต

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น