วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หลวงปู่ทวด

หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด  วัดช้างให้

พระเครื่องของหลวงปู่ทวดนั้นมีพุทธาคุณในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย
หลวงปู่ทวดถือได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ในตำนานที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก
ที่นิยมมักจะเป็นของวัดช้างให้ แต่จากความนิยมของผู้ศรัทธาจึงได้มีการจัดสร้าง
ในวัดต่าง ๆ มากมาย ถ้าอยากมีไว้บูชาเพื่อพุทธาคุณนั้น
ขอให้เป็นหลวงปู่ทวดไม่ว่าออกที่ใด ก็มีพุทธาคุณเหมือนกันหมด
แต่สำหรับพุทธพาณิชย์นั้น เค้านิยมหลวงปู่ทวดที่ออกที่วัดช้างให้
ที่เป็นของสะสมและมีราคาสูง มีมูลค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ

สะสมพระเกจิคณาจารย์สายต่าง ๆ

การสะสมพระเครื่องของผมนั้น ผมได้เห็นป๊าที่ได้สะสมพระเครื่องต่าง ๆมากมาย
จากที่ไม่เคยสนใจ เมื่อได้นำพระที่ป๊ามีมาดู มาส่องทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่จะเริ่มสะสม
พระส่วนมากที่ป๊านำมาสะสมนั้น จะเน้นไปบูชามาจากวัด และรับจากมือของหลวงพ่อเอง
จึงไม่เป็นที่ต้องสงสัยใด ๆ เลยว่า พระที่ป๊าสะสมนั้น เป็นพระแท้แน่นอน
พระที่ป๊ามีจึงเป็นครูที่ดีให้แก่ผม ได้ศึกษาและเป็นแนวทางในการสะสมพระต่อไป
 เริ่มสะสมพระ
ผมได้เริ่มต้นสะสมพระ โดยขอพระของป๊า คือหลวงพ่อฤษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง
โดยได้มีพระหางหมากและพระคำข้าว

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
เป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดท่าซุง (วัดจันทาราม)
ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งที่สำเร็จ แล้วถึงขั้นอรหันต์

พุทธคุณของพระคำข้าวโดดเด่นในด้านโภคทรัพย์
ส่วนพระหางหมากจะโดดเด่นในด้านการเจรจา


 พุทธคุณแรงมาก ๆ ใครมีไว้ครอบครอง จะเป็นมหาโชค แค้วคาด คงกระพัน เมตตา มหานิยม
แต่โดยรวมแล้วทั้งสององค์นี้ มีพุทธคุณครอบจักรวาล
เพราะหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้อาราธนาพระเบื้องบนมาทำพิธีปลุกเศกให้

หลวงพ่อท่านเคยเล่าเหตุการต่างๆ
ในระหว่างพิธีพุทธาพิเษกให้ลูกหลานฟัง
เช่นครั้งหนึ่งในระหว่างทำพิธี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาเป็นประธาน พระอรหันต์ พรหม
เทวดามาร่วมในพิธีมากมาย ทำให้รุกขเทวดาในวัดต้องไปอยู่ไกลถึงขอบจักวาล
เพราะเทวดาที่มีบารมีมากกว่ามาห้อมล้อมบริเวณพิธีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้วัตถุมงคลของท่านทุกชิ้น นอกจากมีพุทธานุภาพแล้ว
ยังมีเทวดารักษาอยู่อีก 1 องค์

จากหนังสือ ประวัติวัดท่าซุงและหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

พระทั้งสององค์นี้มีคุณค่าควรค่าแก่การสะสมมากครับ
ถ้าได้ศึกษาเรื่องราวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก่อน
แต่ปัจจุบันพระคำข้าวและพระหางหมาก นั้นมีการปลอมแปลงมาก
จึงเป็นที่ยากยิ่งนักที่ผู้ที่จะสะสมใหม่ ๆ จะหามาครอบครอง
โดยส่วนมากจะได้แต่ของปลอมที่มีราคาแพง
ในท้องตลาดขณะนี้ ราคาอยู่ที่ 500 บาทขึ้นไป
ส่วนของแท้นั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายมักหวงไม่ค่อยมีใครอยากปล่อยมากนัก
ราคาจึงสูง เท่าที่ทราบมาราคาโดยประมาณ ก็อยู่ที่องค์ละ 1.000 บาท ขึ้นแล้วแต่
ถ้าคุยกันถูกคอ อาจได้ของดีราคาถูกก็ได้

 ดังนั้นต้องศึกษาให้ดีเสียก่อนที่จะเช่าบูชากันนะครับ

ของสะสมพวกงา

ของสะสมงาช้าง


ของที่สะสมงาช้างนั้น เป็นของได้มาด้วยความบังเอิญ มีคนเอามาให้ จึงได้มา เป็นของหายาก
อย่างสร้อยงาเส้นนี้




มีลวดลายในเม็ดงาแต่ละเม็ดชัดเจนสวยงามมาก

จี้งา รูปหัวใจ 
งากำจัด
  งากำจัดก็ได้มาพร้อมกับจี้งารูปหัวใจ

งากำจัดนั้นแต่เดิมนั้นคนที่ได้มาเป็นชิ้นใหญ่กว่านี้
แต่มีเพื่อนที่รักกันขอก็เลยผ่าแบ่งครึ่งกัน จึงได้มาอย่างที่เห็นในภาพนี้ครับ

ส่วนล๊อคเก็ตนี้ได้มาโดยตอนแรกคิดว่าเป็นเรซิน แต่เมื่อใช้กล้องส่องดูก็เห็นลายเส้นงาสวยงาม
 เป็นของเก่าเก็บเจ้าของไม่ได้ใช้



ความเชื่อเกี่ยวกับงาช้าง งาเป็นสัญลักษณ์ของความริสุทธ์และเป็นมงคล ว่ากันว่าสามารถป้องกันคุณไสย์มนต์ดำ คนที่จะมีงาช้างไว้ในครอบครองต้องมีบารมีสูงพอควร เพราะงาช้างเป็นของแรง
เป็นของสูง ที่แต่เดิมก็จะเป็นของคู่บารมีของพระมหากษัตริย์
เช่นในอดีตที่เป็นช้างทรงของพระมหากษัตริย์


ความเชื่อเกี่ยวกับหางช้าง ถือว่าเป็นของทนสิทธิในตัวเอง เป็นของหายากเช่นกัน
ส่วนงากำจัดกำจายมีความเชื่อว่าเป็นของแรงในตัวเอง ซึ่งมีอานุภาพทวีคูณกว่าห้างช้างเสียอีก
งาสะเด็นมีฤทธิ์ครอบจักรวาล ถ้าได้นำมาบูชาไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ก็จะกันภูติผีปีศาจ เสนียดจันไร
เป็นของวิเศษเปี่ยมด้วยพุทธาคม ผู้ใดได้ครอบครองจะต้องมีบุญบารมีเท่านั้น
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อแต่โบราณ ซึ่งไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัดนัก
นอกจากผู้ที่ได้ครอบครองได้มีประสพการณ์ด้วยตนเองเท่านั้น ถึงจะทราบถึงความจริงว่า
ที่คนโบราณกล่าวไว้นั้น จริงเช่นไร

ทุกสิ่งจะเกิดได้จากความเชื่อและความศรัทธาเท่านั้น ถ้าคนได้ของดีของวิเศษแต่ไม่มีความเชื่อ
ความศรัทธา ไม่ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรม ต่อให้ได้ของวิเศษแค่ไหน
ก็ไม่ต่างจากก้อนหินดินทราย นั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสะสม หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ออกวัดสลุด ปี 96

พระผงมีเส้นเกศา หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว
ออกวัดสลุด ปี 96 เป็นพระพิมพ์หลวงพ่อโต


พระผง พิมพ์สี่เหลี่ยม หลังปั้มยันต์ มีเส้นเกศา

ออกวัดสลุด ปี2496 หลวงปู่เผือกวัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ

เนื้อหามวลสารเข้มข้น

หลวงปู่เผือก  เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังองค์หนึ่ง
ของชาวสมุทรปราการ

วัตถุมงคลที่ท่านได้จัดสร้างมีอยู่มากมายหลายรุ่น
เช่น เหรียญ  รูปหล่อ  พระกริ่ง  พระเนื้อผง
และเครื่องรางของขลังอีกมากมาย
และที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ พระผงรุ่นขุดสระ  สร้างในปี พ.ศ.2460-2465
มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่  พิมพ์เล็ก  และพิมพ์สามเหลี่ยม

พุทธคุณที่โดดเด่นของวัตถุมงคลของหลวงปู่เผือกนั้น
ดีในด้านเมตตา ค้าขาย ความแคล้วคลาดปลอดภัย
จึงทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์และชาวบ้านในและแวกนั้นที่ได้
มีประสพการณ์จนเป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาศิษย์และชาวบ้านแถวนั้น
จึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก
จึงได้มีการจัดลำดับความนิยมในวัตถุมงคลของหลวงปู่เผือกได้ดังนี

๑๐ อันดับพระยอดนิยม “หลวงปู่เผือก” วัดกิ่งแก้ว
๑.พระรุ่นขุดสระ ปี ๒๔๖๐-๒๔๖๕ พิมพ์ใหญ่ ราคาหลักแสนต้น ถึงหลักแสนกลาง
๒.พระรุ่นขุดสระ ปี ๒๔๖๐-๒๔๖๕ พิมพ์เล็ก ราคาหลักแสนต้น ถึงหลักแสนกลาง
๓.พระรุ่นขุดสระ ปี ๒๔๖๐-๒๔๖๕ พิมพ์สามเหลี่ยมแจกแม่ครัว ราคาหลักแสนต้น
๔.เหรียญฝาบาตร รุ่นแรก ปี ๒๔๘๑ ราคาหลักแสนต้นขึ้นไป
๕.พระพุทธชินราช พิมพ์สองเดือย อกเลาหน้า-อกเลาหลัง ปี ๒๔๘๕ ราคา ๒ แสนขึ้นไป,
พระพิมพ์สมเด็จรัศมี ฐานสามชั้น เนื้อผง รุ่นอินโดจีน ปี ๒๔๘๕ ราคาประมาณ ๒ หมื่นขึ้น
๖.พระพุทธชินราช ปี ๒๔๘๖ อุดใหญ่ หลักหมื่นกลางขึ้นไป (เนื้ออัลปาก้า สวยๆ ขึ้นหลักแสน)
๗.เหรียญสี่เหลี่ยม รุ่น ๒ ปี ๒๔๙๖ หลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นกลาง (เนื้อเงินหลักแสนขึ้นไป)
๘.เหรียญเสมาหลังยันต์ และหลังพระพุทธรูป ปี ๒๔๙๖ หลักหมื่นต้น
๙.พระขุนแผน ปี ๒๔๙๖ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์กลาง หลังยันต์
ราคาหลักหมื่นปลายขึ้นไป (เนื้อสบู่เลือดหลักแสนต้น)
๑๐.นางกวักพิมพ์สี่เหลี่ยม ปี ๒๔๙๖ หลังยันต์
หลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นกลาง (เนื้อสบู่เลือดหลักแสนต้น)
พระพิมพ์สมเด็จเก้าชั้นอกวี หลังยันต์ ปี ๒๔๙๖
หลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นกลาง

(หมายเหตุ- ราคาเช่าหาโดยประมาณ ถือเอาสภาพขององค์พระเป็นหลัก)

ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20131027/171386.html

อ้างอิง ภาพประกอบจาก เวปพลังจิต

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสะสม พระสุนทรีวาณี

พระสุนทรีวาณี
พระสุนทรีวาณี
เป็นพระที่ผมได้มาเพราะความบังเิอิญ เนื่องจากมีคนแก่ได้มอบให้
จากที่ไม่เคยได้รู้จัก เมื่อค้นหาประวัติพระสุนทรีวาณีนี้แล้ว
ก็ทำให้รู้สีกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากครับ

ประวัติ..พระสุนทรีวาณี
เป็นพระปางพิเศษ เป็นรูปเทพธิดาทรงอาภรณ์อันงดงามวิจิตร
หัตถ์ขวาแสดงอาการกวัก คือ การเรียกเข้ามาหา
หัตถ์ซ้ายหงายอยู่บนพระเพลา (หน้าตัก)
มีดวงแก้ววิเชียร (เพชร) อยู่ในหัตถ์

พระสุนทรีวาณี เป็นพระซึ่งเกิดจากการนิมิต
แห่งพระคาถาสุนทรีวาณี
ซึ่งเป็นคาถาที่ปรากฎ ในคัมภีร์สัททาวิเสส มี ๓๒ คำ

พระคาถานี้เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์
ผู้ใดเมื่อเรียนพระไตรปิฎก เรียนพระธรรม
เรียนวิชา ภาวนาแล้ว ดับอวิชชา บังเกิดปัญญางาม
ปัญญากลายเป็นสัญญา คือ ความทรงจำอันเลิศล้ำ
โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้ท่องทุกครั้ง
ที่เรียนพระไตรปิฎกตลอดมา

สืบได้ความว่า ผู้ที่ท่องคาถานี้เฉพาะในยุครัตนโกสินทร์
ดำรงสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ๓ พระองค์
เป็นพระสมเด็จ พระราชาคณะ เป็นพระคณาจารย์ผู้มากด้วยเมตตา

คาถาพระสุนทรีวาณี

ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)


มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตังมะนัง

ถ้าอยากให้มีผลทางด้านค้าขาย โชคลาภ ให้ภาวนาเพิ่มว่า


เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
โส มานิมา ฤ ฤา ฦ ฦา
สา มานิมา ฤ ฤา ฦ ฦา

(ฤ ฤา ออกเสียงว่า ลึ ลือ / ฦ ฦา ออกเสียงว่า รึ รือ)

 อนึ่ง พระสุนทรีวาณี เป็นพระที่ทรงไว้ด้วยความเมตตาอย่างสูง
เป็นพระที่เป็นสิริมงคลมหาลาภต่างๆ จึงเหมาะแก่ห้างร้าน บริษัท
และร้านค้าทั่วจะมีไว้บูชาเพื่อเจริญด้วยลาภ ยศ ความสุข สรรเสริญ
ตลอดจนการเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานของตน

พระคาถานี้บริกรรมจึงพบความอัศจรรย์ว่า
“ผู้ใดปัญญาดี จะสามารถเรียนวิชาทุกประการ และจำได้แม่นยำ
ผู้ใดปัญญาไม่ดีนัก บริกรรมแล้วจะเป็นวาสนามหานิยม”



สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวัฑฒโน)
อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ ๓ ของวัดสุทัศนเทพวราราม
ภาวนาแล้วเกิดเป็นนิมิต จึงให้จิตรกรหลวงเขียนภาพนิมิตนั้น
แล้วตั้งบูชาที่หัวนอน

ครั้นต่อมารัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรป
จึงเสด็จไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ ว่า...
“โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ
มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม
โยมมีความกังวลใจ ๒ เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง
และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ
พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง”
เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เข้ากุฏิ
แล้วเขียนพระคาถาสุนทรีวาณีถวาย
ทั้งได้ถวายพระพรว่า “ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัย
ในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ
ก็จะเกิดองค์ฌาน สมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย”
       เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จกลับสยามประเทศ
ได้เสด็จไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง)
แล้วตรัสเล่าว่า “พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์
โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่ง
ขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยาบยวบทั้้งลำเรือ
พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่
รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด
ฝรั่งจะทำให้อับอายขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ
บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย
เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง (ม้าตัวนั้นก็คือม้าตัวที่ทรงที่บรมราชานุสาวรีย์
หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมนี้เอง จึงเป็นม้าที่ยืนด้วยความเชื่อง
มิใช่เลียนอนุสาวรีย์แบบฝรั่งสร้างทั่วไป)

จึงได้ตรัสว่าคาถานี้ศักดิ์สิทธิ์  เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงตรัสแล้ว
จึงถามประวัติพระคาถา สมเด็จพระวันรัต (แดง)
ถวายพระพรเล่าที่มาแล้ว จึงอัญเชิญเสด็จเข้าในกุฏิ
ให้ทอดพระเนตรภาพจิตรกรรมพระสุนทรีวาณี
พระพุทธเจ้าหลวงทรงเลื่อมใสยิ่ง
จึงออกพระโอษฐ์ยืมไปบูชาเป็นเวลา ๕ ปี

       จนเมื่อสมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธ ก่อนมรณภาพ
จึงขอพระราชทานคืนวัด
ปัจจุบันประดิษฐานที่ พระตำหนัก (คณะ ๖) วัดสุทัศนเทพวราราม
ได้มีการสร้างเหรียญ และเหรียญหล่อแล้วหลายครั้ง
พร้อมกับหล่อองค์บูชาขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว ไว้ด้วย

สำหรับ พระสงฆ์ที่บริกรรมพระคาถานี้ในยุครัตนโกสินทร์  
คือสมเด็จพระสังฆราช (สุก) เสกข้าวให้ไก่ป่ากินไก่ป่ายังเชื่อง
สมเด็จพระวันรัต (แดง)
สมเด็จพระสังฆราช (แพ)
สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศฯ
พระวิสุทธาธิบดี (ไสว) วัดไตรมิตรวิทยาราม
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดไร่ขิง ท่านเขียนจิตรกรรมไว้ที่วัดไร่ขิงด้วย
พระเทพสุวรรณโมลี (สอิ้ง) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี รูปปัจจุบัน
หลวงพ่อทอง จังหวัดสงขลา
หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
 พระคณาจารย์สายวัดสุทัศน์ฯ
เมื่อจะเข้าสู่การบริกรรมเสกวัตถุมงคลและลงอักขระ เลขยันต์
ก็บริกรรมคาถาพระสุนทรีวาณี ทุกรูปไป

พระคาถาสุนทรีวาณี

มุนินทะ วะทะนัมพุชะ        
คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี       
มัยหัง ปิณะยะตัง มะนัง ฯ

       “ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนานางฟ้า คือพระไตรปิฎก
ผู้มีรูปอันงาม เกิดแต่ท้องประทุมชาติ คือพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นใหญ่กว่านักปราชญ์ทั้งหลาย มะนัง ขอจงมาสู่มโนของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติละเสียซึ่งอาสวะกิเลส ที่ดองอยู่ในสันดานของข้าพเจ้า
ทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง  และอย่างละเอียดให้สิ้นไปเสื่อมไป
ข้าพเจ้าจะไม่ทำให้เป็นอัตตกิลมถานุโยค ไม่ทำให้ลำบากแก่สังขาร”

 ที่มา เวปwww.katitham.com (พระราชวิจิตรปฏิภาณ)
                                             ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม
                                                   วัดสุทัศนเทพวราราม
                                                     กรุงเทพมหานคร



ที่มา เวปพลังจิต

พระสะสม หลวงพ่อโสธร ปี 2497 พิมพ์พระสมเด็จ

ด้านหน้าหลวงพ่อโสธร พิมพ์พระสมเด็จ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2497

ด้านหลังหลวงพ่อโสธร พิมพ์พระสมเด็จ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2497

หลวงพ่อโสธร พิมพ์พระสมเด็จ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2497
วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา

เนื้อมวลสาร เหมือนพระสมเด็จวัดระฆังมากครับ
สภาพสวยมาก เก่าเก็บ

วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสะสม เหรียญศักราช เนื้อกะไหล่ทองลงยา

พระเหรียญศักราช เนื้อกะไหล่ทองลงยาปี2552

พระเหรียญ พระศักราช เนื้อกะไหล่ทองลงยา สีเขียวมรกต
พระดี พิธีใหญ่ พุทธคุณคุมได้ตลอดปีศักราช (ทั้ง 12 นักษัตร)

พระพิธีใหญ่ เกจิดัง ได้แก่
หลวงปู่ทิมวัดพระขาว
หลวงปู่แย้ม วัดตะเคียน
หลวงพ่อพูน วัดบ้านแพน
หลวงพ่อเพิ่ม วัดป้อมแก้ว
หลวงพ่อเพี้ยน วัดเกริ่นกฐิน
หลวงพ่อรวย วัดตะโก


พระสะสม พระสมเด็จหลวงปู่ทิม ออกวัดไผ่ล้อม

พระสมเด็จปรกโพธิ์ หลวงปู่ทิมปลุกเสกออกวัดไผ่ล้อม
ผมตามเก็บสะสมไว้ 3 องค์ครับ สภาพพระสวยครับ
2 องค์มีคราบกรุด้วยครับ อีกองค์ไม่ได้คงไม่ได้ฝังกรุ
สนใจติดต่อได้นะครับ



ประวัติการจัดสร้างพระสมเด็จ2513 วัดไผ่ล้อม ระยอง กรุวัดราษฏรบูรณะ เนื้อผง 
ปลุกเสกเมื่อวันเสาร์ 5 พศ.2513
โดยได้นิมนต์เกจิที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นมาปลุกเสก 9 รูป
เช่น ลป.ทิม วัดละหารไร่,ลพ.คง วัดวังสรรพรส,
ลพ.ลัด วัดหนองกระบอก,ลพ.รวย วัดท่าเรือแกลง,
ลพ.ชื่น วัดมาบข่า,ลพ.ตุง วัดเพ,พระสมุห์จำปี วัดไผ่ล้อม,
ลพ.สละ วัดประดู่ทรงธรรม อยุธยา,ลพ.ชาย วัดแม่นางปลื้ม

โดยเฉพาะ ลป.ทิม วัดละหารไร่ ได้เมตตาปลุกเสกให้ถึง 2 ครั้ง
ประวัติพระเครื่องวัดไผ่ล้อม อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ ระยอง เป็นเจ้าพิธีปลุกเสก ปี พ.ศ.2513
เพื่อแจกเป็นที่ระลึกในงานผูกพัทธสีมาของวัดไผ่ล้อมในปี พ.ศ.2514
แต่มีส่วนหนึ่งนำเข้ากรุงเทพโดยท่านจำปี นำมาบอกบุญที่ วัดราษฏ์บูรณะ และก็มีเหลืออีก
ท่านจึงนำบรรจุกรุที่ฐานพระประธานในกุฏิ พระอาจารย์จำปี วิปุโล(จำรัสแสง)
จนปี พ.ศ.2555ได้มีการซ่อมแซมจึงทำให้พบกรุฐานพระประธานในกุฏิแตก
นำออกมาร่วมทำบุญซ่อมแซมเสนาศนะ

กล่าวถึงปี พ.ศ.2513 ในครั้งเริ่มแรก พระอาจารย์จำปี วิปุโล(จำรัสแสง)
ได้รับมอบหมายจาก พระอาจารย์พูน เจ้าอาวาสวัดไผ่ล้อม ต.บ้านค่าย อ.บ้านค่าย จ.ระยอง

ให้เริ่มทำการสะสมว่านนานาชนิด มีทั้งว่านประเภทคงกระพันชาตรี, เมตตามหานิยม,
ป้องกันสัตว์ร้ายเขี้ยวงาทุกชนิด แร่ธาตุต่างๆหลายชนิด มีแร่บังขนิฏสีเขียว, สีดำ, สีมันปู,
แร่ดอกมะขาม จ.กาญจนบุรี, แร่พลวงเงิน, แร่พลวงทอง, พลอยจันทบุรี สีนิล,
ชินปรอทสังฆวานร, โมราท้องรุ้ง, เสาตะลุงช้างเผือก, กระดูกหัวกะโหลกช้างทรง,
เพชรน้ำค้าง, ศิลาน้ำค้าง, เหล็กทรหด, เหล็กน้ำพี้,เหล็กยอดเจดีย์, สัมฤทธิ์,
ข้าวตอกพระร่วง, ข้าวสุกลอยน้ำ, ข้าวสารดำ, ข้าวรอดเพชรหลีก, ไคลประตูเมือง,
ไคลเจดีย์,ไคลเสมา9 แห่ง, ดินโป่ง 9 โป่ง 9 สี, ดินบริสุทธิ์ กลางมหาสมุทร,
ดินกรุซุ้มกอทุ่งเศรษฐี เมืองกำแพงเพชร, ดินกรุสุโขทัย, ดินกรุอยุธยา, ดินท่า 9 ท่า,
อีกทั้งยังได้เก็บรวบรวมผงพระเครื่องต่างๆทุกยุคทุกสมัยที่ชำรุด มีสมัยเชียงแสน,
สุโขทัย, อู่ทอง, ลพบุรี, พิจิตร, พิษณุโลก, กำแพงเพชร, สุพรรณบุรี,
อยุธยา,รัตนโกสินทร์, ผงพระ 25 พุทธศตวรรษ
ส่วนผงวิเศษต่างๆที่เก็บสะสมไว้อีกมากมาย
เช่นผงปฐมอักขระ,ผงไตรสรณาคม, ผงพระพุทธคุณ, พระธรรมคุณ, พระสังฆคุณ,
ผงพระเจ้า ห้าพระองค์, ผงพระเจ้า 16 พระองค์, ผงตรีนิสิงเห, ผงอิทธิเจ,
ผงปถมัง, ผงมหาราช, ผงสังตโลก, ผงมหาอุตม์หลวงพ่อวงศ์,
ผงพระเกสรหลวงพ่อวงศ์ วัดบ้านค่าย, ผงพระสมเด็จวัดระฆังที่หลวงปู่นาคมอบให้,
ผงเก่าและสีผึ้งเขียว ของหลวงปู่ทาบ วัดกระบกขึ้นผึ้ง ระยอง,
ผงหลวงพ่อเพ่ง วัดละหารใหญ่ ระยอง, ผงพญางิ้วดำ, กาฝาก, กาหลง,
กาฝากรักซ้อน, กาฝากมะยม, กาฝากมะรุม, กาฝากมะขาม, กาฝากมะนาว,
กาฝากลั่นทม, เถาวัลย์หลง, เครือสาวหลง, ว่านสาวหลง, ไม้รู้นอนเก้าอย่าง,
ยอดรัก, ยอดสวาท, กัลปังหา, ทรายเงิน, ทรายทอง, ว่าน 108,
เกสรดอกไม้108, น้ำมนต์บ่อขุนไกรอันศักดิ์สิทธิ์ จึงได้นำมาผสมสร้างเป็นองค์พระ

ก่อนที่จะเริ่มกดพิมพ์พระ ได้ทำพิธีบวงสรวงเทพเทวา ครูบาอาจารย์เสร็จแล้วจึงกดพิมพ์เป็นปฐมฤกษ์
โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล เมื่อวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 5 ปีระกา
ตรงกับวันที่ 22 มีนาคม 2512 เวลา 09.09 น.ในราศีเมษ
มหัทธโนแห่งฤกษ์ คือฤกษ์ที่มั่งคั่งสมบูรณ์ไปด้วยทรัพย์สินเงินทองและเทพเทวารักษาดี
เมื่อพิมพ์พระเสร็จแล้ว ก็ได้ทำพิธีปลุกเสก โดยพระอาจารย์จำปี วิปุโล
ได้นิมนต์พระภิกษุภายในวัดมาร่วมสวดบริกรรมพระปริต
มีพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณพระ 5 รูปสวดพระธรรมจักร 108 ตลอดคืน
รวม 15 คืน เริ่มปลุกเสกเมื่อวันเสาร์แรม 5 ค่ำเดือน 9 อยู่ในพรรษา
ตรงกับวันที่ 22 สิงหาคม 2513 จนถึงวันที่ 5 กันยายน 2513
ซึ่งตรงกับวันเสาร์ขึ้น 5 ค่ำ เดือน 10 ปีจอ รวม 15 คืน
เป็นที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก เพราะว่าการทำพิธีครั้งนี้ตรงกับวันเสาร์ 5 ทั้งหมด
คือตั้งแต่เริ่มพิมพ์ เริ่มปลุกเสก และวันสุดท้ายที่ปลุกเสกเดี่ยว ก็ตรงกับวันเสาร์อีกเช่นกัน
ที่น่าอัศจรรย์อีกอย่างก็คือเมื่อทำพิธีปลุกเสกถึงเวลาตีห้าดับเทียนชัย
ได้มีฝนตกซู่ลงมาประมาณ 1 นาที แล้วก็หยุดตกซึ่งจะเป็นอย่างนี้ทุกคืน
วัตถุมงคลที่จัดสร้างในครั้งนี้ได้ทำพิธีปลุกเสกใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
โดยนิมนต์พระคณาจารย์ที่มีอาคมขลังขมังเวท 9 รูป
นั่งปรกอธิษฐานจิตปลุกเสกตลอดคืน ดังมีรายนามดังต่อไปนี้
หลวงปู่ทิม(พระครูภาวนาภิรัติ) วัดละหารไร่ จ.ระยอง,
หลวงพ่อลัด(พระวิจิตร) วัดหนองกระบอก จ.ระยอง,
หลวงพ่อชื่น วัดมาบข่า จ.ระยอง, หลวงพ่อโต่ง วัดบ้านเพ จ.ระยอง,
หลวงพ่อรวย วัดท่าเรือ จ.ระยอง, หลวงพ่อหอม วัดชากหมากป่าเรไร จ.ระยอง,
หลวงพ่อคง วัดวังสรรพรส จ.จันทบุรี, หลวงพ่อสมชาย วัดแม่นางปลื้ม จ.อยุธยา,
หลวงพ่อสละ วัดประดู่ทรงธรรม จ.อยุธยา
มีสิ่งที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากในการปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้
คือ ขณะที่หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ช่างภาพถ่ายรูปไม่ติด
คือแฟลชไม่ขึ้น ถ่ายอยู่หลายครั้งก็ไม่สำเร็จผล ต้องขออนุญาตท่านก่อนจึงได้ถ่ายติด
ในระหว่างที่หลวงปู่ทิม นั่งบริกรรมภาวนาอยู่นั้น ถ้าท่านหลับตาลงครั้งใด ไฟฟ้าจะดับทันที
 เป็นอย่างนี้ถึง 3 ครั้ง ดังนั้นท่านจึงต้องบริกรรมภาวนาลืมตาตลอดคืน
ไม่ได้พักเลย จนกว่าเสร็จพิธีคือสว่าง (ในวันที่ทำพิธีปลุกเสกนั้นได้เริ่มพิธีตั้งแต่ 18.00 น.
จนถึง 22.00 น. หลังจากนั้นพระเกจิอาจารย์ทั้งแปดรูปก็ได้กลับวัด
เหลือแต่หลวงปู่ทิมที่ยังไม่ได้กลับ หลังจากนั่งพักผ่อนไม่นาน
หลวงปู่ทิมจึงได้ก้าวขึ้นไปนั่งบนธรรมมาสน์อีกครั้ง ได้เริ่มนั่งปลุกเสกเดี่ยวต่อไป)

ที่มา ข้อมูลอินเตอร์เน็ท
ภาพประกอบ ปกหนังสือจากชมรมคนรักมีด

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

พระร่วงปางเปิดโลก

กรุมหาวัน

พระปางเปิดโลกนั้นมีทั้งพระพุทธรูปและพระเครื่องปางเปิดโลก
เนื่องจากการที่พระพุทธเจ้า เสด็จลงจากดาวดึงส์ หลังจากโปรดพุทธมารดา ครบ 3 เดือน
ในตำนาน ได้กล่าวไว้ว่า พระองค์ได้ทรงแสดงอิทธิปาฏิหาริย์ ให้หมู่สัตว์ทั้ง 3 โลก
คือ โลกสวรรค์ โลกมนุษย์ โลกนรก ได้เห็นสภาพของกันและกัน
ตามความต้องการตลอด 1 วัน จึงเรียกวันนั้นว่า วันพระพุทธเจ้าเปิดโลก

พระปางเปิดโลกที่เป็นที่นิยมกันนั้น ได้แก่ ที่จังหวัดสุโขทัย และกำแพงเพชร

และตามความเชื่อที่มีมาแต่โบราณเกี่ยวกับพระปางเปิดโลกนั้น
พระปางเปิดโลกนี้มีพุทธคุณในเรื่องการ “เปิดทางสว่าง” ทำให้การดำเนินชีวิต
ไปสู่ความดีงาม เปิดทางแห่งการรับ โชคลาภ วาสนา บารมี ทั้งยังคุ้มครองป้องกันภัย
และปกครองคนหมู่มาก มีเมตตามหานิยมทำให้ศัตรูกลายเป็นมิตร
นอกจากจะเป็นมงคลต่อตัวเองและครอบครัวแล้ว ยังเป็นโชคลาภที่ประเสริฐยิ่ง
ท่านที่ทำมาค้าขายจะประสพกับความเจริญรุ่งเรือง ซื้อง่ายขายคล่อง
ประสพกับความสุขความเจริญ สำเร็จในสิ่งที่พึงปรารถนา อุดมด้วยทรัพย์ยิ่งนักแลฯ

คาถาบูชาพระปางเปิดโลก
อิติอะระหัง ทิพย์พระจักร์ขุง อุทะปาริยานัง พุทธะนิมิตตัง อุปปันนัง โหหิ
อิติอะระหัง ทิพย์พระจักร์ขุง อุทะปาริยานัง ทัมมะนิมิตตัง อุปปันนัง โหหิ
อิติอะระหัง ทิพย์พระจักร์ขุง อุทะปาริยานัง สังฆะนิมิตตัง อุปปันนัง โหหิ

ถ้าได้สวดทุกๆคืน บูชาพระปางเปิดโลก ศัตรูหมู่มารย่อมแพ้ภัยอันตราย
อุปสรรคใดๆ ไม่มีมากล้ำกรายได้ หรือสวดภาวนาชักลูกประคำคืนละ 108 คาบ
ผู้นั้นจะอยู่เย็นเป็นสุข จะทำมาค้าขายก็จะซื้อขายคล่อง
จะมีพลานิสงฆ์มากมายหลายประการ ขอผู้ที่ได้บูชา จงตั้งใจปฏิบัติ คงสมใจปรารถนาทุกประการ

วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทิศต้องห้ามในแต่ละราศีเกิดกับการตั้งหิ้งพระ


การตั้งหิ้งพระประจำบ้านนั้น ตามตำราโบราณว่าไว้
ถ้าผู้เป็นเจ้าของบ้านเกิดปีอะไรก็ให้ระวังการตั้งหิ้งบูชาพระ
ประจำบ้าน ถ้าตั้งผิดทิศผิดทาง ก็อาจเกิดเหตุร้ายได้


ทิศต้องห้ามของแต่ละราศีมีดังนี้
คนเกิดปีชวด

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศเหนือเด็ดขาด
เพราะจะส่งผลให้เจ้าบ้าน เกิดอันตรายอย่างใหญ่หลวง จนถึงขั้นเสียชีวิต

คนเกิดปีฉลู

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด
จะส่งผลให้เจ้าบ้าน เกิดการเจ็บป่วยอย่างกะทันหัน

คนเกิดปีขาล

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือเด็ดขาด
จะส่งผลให้ผู้หญิง และสมาชิกในครอบครัว เกิดอันตรายได้

คนเกิดปีเถาะ

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด
จะส่งผลให้เกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง คนในบ้านจะเสียชีวิต

คนเกิดปีมะโรง

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเด็ดขาด
จะส่งผลให้คนในบ้านเกิดการเสียหาย ทั้งชายและหญิง

คนเกิดปีมะเส็ง

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เด็ดขาด
เพราะจะส่งผลให้คนในครอบครัว มีความยุ่งยากที่สุด จนหาความสงบสุขไม่ได้

คนเกิดปีมะเมีย

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศใต้
จะส่งผลให้เกิดเรื่องราวอัปมงคลขึ้นภายในบ้าน

คนเกิดปีมะแม

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
เพราะจะส่งผลให้ครอบครัว เกิดเรื่องร้ายแรงขึ้นอย่างไม่คาดฝันได้

คนเกิดปีวอก

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้
เพราะจะส่งผลให้เกิดเรื่องร้าย ๆ กับสมาชิกเพศชายในครอบครัว

คนเกิดปีระกา

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเพราะ
จะผลให้ทุกข์โศกมาเยือน ครอบครัวจนต้องร้องให้อยู่เสมอ

คนเกิดปีจอ

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือเด็ดขาด
จะส่งผลร้าย ให้สมาชิกในครอบครัวอย่างมาก ถึงขั้นเสียชีวิตได้

คนเกิดปีกุน

ห้ามตั้งหิ้งพระบูชาหันหน้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
จะส่งผลให้เกิดเรื่องร้าย ๆ ในครอบครัวอยู่ตลอด เสียเงินเสียทองขึ้นโรงขึ้นศาล

ภาพประกอบอินเตอร์เน็ท

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

คำอธิฐานตอนกราบพระบูชา

ทุกครั้งที่เรากราบบูชาพระพุทธรูป
ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นให้เชื่อมบุญกับท่านทุกครั้ง


คำกล่าวเชื่อมบุญมีดังนี้

“บุญกุศลใดที่ข้าพเจ้า 
(เอ่ยชื่อของตนทั้งชื่อจริงดั้งเดิมหรือหรือชื่อใหม่ที่ไปเปลี่ยนมา) 
ได้เคยเพียรทำมาตั้งแต่ในอดีตชาติ 
ชาติปัจจุบันและที่จะมีต่อไปยังอนาคต 
ขอน้อมถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา 
ถวายแด่องค์แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐม 
และทุกพระองค์จนถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
องค์ปัจจุบัน พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า 
พระอรหันตเจ้า พระโพธิสัตว์ … 
(ต่อไปให้เอ่ยนามชื่อของพระพุทธรูปที่เรากำลังกราบไหว้ 
เช่น หลวงพ่อพระพุทธชินราช หลวงพ่อโสธร 
พระเจ้าเก้าตื้อ หลวงพ่อทันใจ ฯลฯ)  
พรหมเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สถิต
และดูแลพระพุทธรูปองค์นี้ร่วมถึงผู้สร้าง 
ผู้ร่วมสร้างทั้งหลาย

ขอเมตตารวมบุญทั้งหมดของข้าพเจ้า ให้เป็นพละปัจจัย
ให้ชีวิตพบกับความสุข ความเจริญ 
คำว่าขัดข้องและคำว่าไม่มี จงอย่าบังเกิดแก่ข้าพเจ้า 
ขอความสำเร็จที่ถูกธรรมจงหลั่งไหลเข้าสู่ชีวิต
ของข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปเถิด”

การเชื่อมบุญนี้จะเป็นการเพิ่มบุญอีกทางหนึ่ง
ถ้าท่านเหล่านั้นมาร่วมอนุโมทนารับบุญไปและนับต่อนี้ไป
เราก็จะเป็นที่เมตตาของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
เมื่อเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นขอให้นึกถึงพระพุทธเจ้าเป็นที่ตั้ง
ทุกข์เภทภัยใดๆ ก็จะมลายหายไปหมดสิ้น

ภาพประกอบ อินเตอร์เน็ท

การจัดหิ้งพระในบ้าน

การจัดเรียงพระพุทธรูปบูชาในบ้านเรือน ต้องวางให้ถูกต้องเหมาะสม
ควรไล่เลียงไปตามชั้นบุญบารมีและภูมิธรรมของท่านด้วย คือ


ในชั้นที่1 สูงสุด
ต้องวางพระพุทธรูปเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
และต้องหันหน้าพระพุทธรูปไปทางทิศตะวันออก เรื่องนี้สำคัญมาก
และห้ามวางพระประธานต่ำกว่าพระอื่น
ถ้ามีพระพุทธรูปหลายองค์ให้เลือกยกองค์หนึ่งขึ้นเป็นประธาน
ควรเลือกพระพุทธรูปองค์ที่หน้าตักใหญ่ที่สุด 
ส่วนพระพุทธรูปที่เหลือหรือพระบรมสาริกธาตุ
พระบรมธาตุ สามารถวางในชั้นนี้ได้แต่ต้องต่ำกว่าพระพุทธรูป


 ในชั้นที่2 
วางรูปปั้น รูปจำลอง รูปภาพ
ของพระอรหันต์ที่เราทราบ
เช่น พระสิวลี พระอุปคุต พระสังกัจจายน์ เป็นต้น







ในชั้นที่3
วางรูปปั้น หรือรูปถ่ายครูบาอาจารย์ที่เป็นพระสงฆ์
พระเครื่องต่างๆ สำหรับพระเครื่องควรหาจานหรือถาดเล็กๆ วางไว้รวมกัน
และห้ามวางเครื่องรางของขลังในชั้นนี้เป็นอันขาด พวกเขี้ยวเสือ ตระกรุด กุมารทอง รัก-ยม 
หรืออะไรก็ตามที่เครื่องรางของขลังให้แยกไปไว้ที่อื่นหรือชั้นล่างสุด 
ไสยศาสตร์นั้นอย่ามาวางปนกับพระสงฆ์ผู้มีศีล

ในชั้นที่4 
ก็วางรูปพระมหากษัตริย์ พระบรมศานุวงศ์

ในชั้นที่5 
วางรูปครูบาอาจารย์ที่เป็นฆราวาส
บรรพบุรุษที่เราเคารพ เถ้ากระดูกของท่าน เป็นต้น

ในชั้นที่ 4 และชั้นที่ 5 ที่แนะนำว่าให้วางต่ำกว่าพระสงฆ์นั้น
เพราะพระสงฆ์มีศีลมากกว่าคนปกติ แม้แต่สามเณรที่ถือศีลน้อยกว่าพระสงฆ์
แม้จะเพิ่งบวชเพียงวันเดียว พระมหากษัตริย์เสด็จมาเจอยังต้องกราบ

ภาพประกอบ อินเตอร์เน๊ท

การอัญเชิญพระเข้าบ้าน

เมื่อมีการขึ้นบ้านใหม่ เปิดร้านใหม่ หรือมีกิจการใหม่
คนที่นับถือศาสนาพุทธก็จะต้องนำพระพุทธรูปเข้ามาในที่ใหม่
เพื่อความเป็นสิริมงคลและความเจริญรุ่งเรื่องในกิจการหรือธุรกิจนั้น ๆ

ดังนั้นการอัญเชิญพระเข้าบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญเป็นการเริ่มต้น
ถ้าทำดีและถูกวิธี ก็เพื่อความเป็นศิริมงคลให้กับบ้านและผู้อยู่อาศัยทุกคน


การอัญเชิญพระเข้าบ้าน

นิยมหาฤกษ์ดี วันพุธ วันพฤหัส หรือก็วันศุกร์ ฤกษ์ดี 
มักเป็นเวลา 9:09, 9:19 หรือ 9:29 
หรือบางคนจะเริ่มเช้าตรู่เลยก็ได้ 
หรือก็หาฤกษ์สะดวกแล้วแต่ แต่ห้ามเชิญพระหลังเพลเด็ดขาด 
เมื่อได้ฤกษ์ ให้เจ้าบ้านอุ้มอัญเชิญพระประธานเข้าประตูบ้านแล้วตั้งไว้บนหิ้งพระที่เตรียมไว้
นำเครื่องบูชา ขันห้า มาถวายหน้าพระประธานแล้วจุดธูป บูชาพระ
และขอพรให้ท่านปกป้องคุ้มครองให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุขแคล้วคลาดปลอดภัย

เครื่องบูชาขันห้าถวายพระ ได้แก่

เทียน ห้าเล่ม
ธูป ห้าดอก
เหรียญบาท ห้าเหรียญ
ดอกไม้ห้าดอก
ผลไม้ห้าอย่าง รวมในหนึ่งจานเล็ก
จะอย่างละลูกก็ได้ หรือจะใช้เป็นเมล็ดพันธุ์ห้าชนิดก็ได้
จะได้มีแต่ความงอกงาม ถ้าเป็นคู่รักก็ใช้น้ำตาล ชีวิตคู่จะได้หวานชื่น

วางขันห้าไว้หน้าพระพุทธแล้วจุดธูปบูชาต่างหากสามดอกอย่าใช้ธูปในขันห้านั้น 
เท่านี้ก็เสร็จพิธี ตั้งทิ้งไว้ทั้งวัน บางคนก็ทิ้งไว้ สามหรือเจ็ดวันก็ได้


พระจำวันเกิด

การบูชาพระประจำวันเกิดเพื่อให้เกิดศิริมงคล

การสร้างพระพุทธรูปปางต่างๆ ให้เป็นพระพุทธรูปประจำวันเกิดในแต่ละวันนั้น
เป็นความเชื่อของคนสมัยก่อนที่ต้องการหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

สำหรับพระพุทธรูปประจำวันเกิดจะมีทั้งหมด 7 ปาง

พระประจำวันอาทิตย์ ได้แก่ ปางถวายเนตร

พระเครื่องที่ผู้เกิดวันอาทิตย์ ที่ควรอาราธนาเพื่อความเป็นศิริมงคลติดตัวนั้น
ควรจะเป็นพระพิมพ์ที่ผ่านความร้อนจากไฟ เนื่องจากจะช่วยหนุนธาตุประจำตัว
และโดยเฉพาะอย่างยิ่งควรเป็นพระปางมารวิชัย
เนื่องจากเป็นพระพิมพ์ ที่พระพุทธเจ้าทรงเอาชนะพญามาร


พระเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ได้แก่
พระรอด ลำพูน , พระดง ลำพูน , พระขุนแผน กรุวัดบ้านกร่าง จังหวัดสุพรรณบุรี , 
พระหลวงพ่อโต ,กรุบางกระทิง พิมพ์มารว ิชัย , พระกริ่งคลองตะเคียน อยุธยา ,
พระกรุวัดตะไกร อยุธยา , พระกรุขรัวอีโต้ วัดเลียบ กทม. ฯลฯ

สรุป สำหรับคนที่เกิดวันอาทิตย์
พระคู่กายควรจะเป็น พระนั่งศิลปแบบนั่งมารวิชัย เป็นดีที่สุด


พระประจำวันจันทร์ ได้แก่ ปางห้ามญาติ หรือ ห้ามสมุทร

โบราณจารย์จึงให้พระปางห้ามญาติเป็นพระประจำวันจันทร์
เมื่อวันจันทร์เป็นวันที่มีเสน่ห์ แต่ขาดซึ่งอำนาจและวาสนา
พระเครื่องที่เหมาะสำหรับ ผู้ที่เกิดวันจันทร์ ควรจะเป็นตระกูล พระยอดขุนพล
เนื้อพระทำด้วยตะกั่วแก่ ดีบุก ปรอท (ชินเงิน) ตะกั่วเดือน ( ตะกั่วสนิมแดง)
พระในชุดนี้ โบราณจารย์ท่านถือว่า เสริมบารมีในอำนาจยิ่งนัก


พระเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์ ได้แก่ พระในตระกูลเนื้อชิน
อาทิเช่น พระร่วงหลังรางปืน จังหวัดสุโขทัย , พระร่วงหลังลายน้ำ จังหวัดลพบุรี , 
พระเชตุพน จังหวัดสุโขทัย ,พระพิจิตรข้างเม็ดกรุเขาพนมเพลิง , 
พระกรุวัดราชบูรณะจังหวัดอยุธยา ฯลฯ

สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันจันทร์ พระคู่กายควรจะเป็น พระยอดขุนพล พระกรุต่างๆ เป็นดีที่สุด


พระประจำวันอังคาร 
ได้แก่ ปางโปรดอสุรินทราหู 
หรือ ปางไสยาสน์ หรือ ปางปรินิพพาน   

ส่วนพระเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร นั้นควรเป็นพระผงพุทธคุณ
เนื่องจากเป็นพระที่มิได้ผ่านความร้อน อีกทั้งพุทธานุภาพขององค์พระ
จะช่วยให้จิตใจเยือกเย็น เป็นสมาธิ สามารถบรรเทาธาตุโทสะจริตแห่งฤกษ์ชะตาวันเกิดได้
พระเครื่องที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เกิดวันอังคารได้แก่ พระผงในตระกูลสมเด็จ
อาทิเช่น พระสมเด็จวัดระฆัง , พระสมเด็จวัดบางขุนพรหม , พระสมเด็จวัดเกศไชโย
รวมถึงพระผง คณาจารย์ต่างๆ เช่น พระปิสันธ์วัดระฆัง พระวัดสามปลื้ม พระวัดท้ายตลาด
พระวัดพลับ พระผงวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ฯลฯ

สรุป สำหรับคนที่เกิดวันอังคาร พระคู่กายควรจะเป็นพระเนื้อผงต่างๆ เป็นดีที่สุด


พระประจำวันพุธ (กลางวัน) ได้แก่ ปางอุ้มบาตร  
โบราณจารย์ท่านจึงได้ให้พระปางอุ้มบาตร เป็นพระประจำวันเกิดในวันพุธกลางวัน
เป็นอนุสติแก่เจ้าชะตาผู้เกิดในวันพุธกลางวัน ว่าแม้ทำความดี มิมีได้เห็น ก็ไม่ต้องใส่ใจ

สำหรับพระเครื่องที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางวันนั้น
เนื่องจากวันพุธเป็นฤกษ์แห่งการทำกิน 
พระเครื่องที่เหมาะสมนั้นควรเป็นพระประเภทลีลา
หรือปางลีลาเสด็จกลับจากดาวดึงส์ มีความหมายแห่งความก้าวหน้า 
อาทิเช่น พระกำแพงเพชรลีลา พิมพ์ต่างๆ เช่น ลีลาเม็ดขนุน , ลีลาพลูจีบ , ลีลากลีบจำปา ,
ลีลาเมืองสวรรค์ ชัยนาท ลีลายี่สิบห้าพระพุทธศตวรรษ พุทธมณฑล ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพุธกลาง วัน พระคู่กายคือ พระยืนปางลีลาต่างๆ


พระประจำวันพุธ (กลางคืน)ได้แก่ ปางป่าเลไลยก์ 
(ผู้ที่เกิดระหว่างเวลา 18.00 น. ของวันพุธถึง 06.00 น.ของวันพฤหัสบดี
หรือบางคนก็นับตั้งแต่ 18.00 – 24.00 น.ของวันพุธ (สุดแต่ความเชื่อ)  

พุธกลางคืนนั้น
โบราณจารย์ท่านจึงให้พระปางป่าเลไลย์เป็นอณุสติ เนื่องจากพระปางนี้
เป็นปางที่พระพุทธเจ้าทรงเบื่อหน่ายพระสาวกที่ขัดแย้งกัน
พระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปเพียงลำพัง ณ ป่าเลไลย์
มีช้างป่ามาถวายกล้วย และ ลิงมาถวายน้ำผึ้ง ฯลฯ

สำหรับพระเครื่อง ที่เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนนั้น
เนื่องจากลักษณะวันนั้น ผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืนมักมีสัมผัสพิเศษ
และมีลางสังหรณ์มากกว่าวันอื่น ดังนั้น
นอกจากพระเครื่องพระพิมพ์ที่อาราธนาแล้วควรจะมีเครื่องราง
เสริมดวงได้ป้องกันอาถรรพ์ต่างๆ ซึ่งคนที่เกิดในวันนี้ สัมผัสได้ง่าย
ตัวอย่างเครื่องรางที่ควรพกพา เช่น ราหูอมจันทร์ หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง ,
ตะกรุดคณาจารย์ต่างๆ , ลูกอมผงพุทธคุณ ฯลฯ

สำหรับท่านที่เกิดวันพุธกลางคืน พระคู่กายคือ พวกเครื่องรางแบบต่างๆ

พระประจำวันพฤหัสบดี ได้แก่ ปางสมาธิ หรือ ปางตรัสรู้  
โบราณจารย์จึงให้พระปางสมาธิเป็นพระประจำวันเกิด
เนื่องจากหมายถึงการเจริญสมาธิอันหมายถึงปัญญา
สำหรับพระเครื่อง ที่เหมาะสมกับผู้ที่เกิดวันพฤหัสฯนั้น


เนื่องจาก เป็นผู้ที่มีปัญญา มีความรู้กว้างขวาง พระพิมพ์ที่ช่วยเสริมดวงวาสนานั้น
โบราณท่านว่า พระปางเปิดโลก ท่านถือว่าเป็นพระแห่งปัญญา
เหมาะสำหรับผู้ที่เกิดวันนี้เป็นที่สุด พระพิมพ์นี่นี้ ที่มีชื่อเสียงอาทิเช่น
กรุเตาเรียง จ.สุโขทัย พระร่วงเปิดโลกพิมพ์เม็ดทองหลาง จ .กำแพงเพชร ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันพฤหัสฯ พระคู่กายคือพระยืนปางเปิดโลกเป็นดีที่สุด


พระประจำวันศุกร์ ได้แก่ ปางรำพึง  
โบราณจารย์ ท่านจึงให้พระปางรำพึง เป็นอณุสติเตือน ปางรำพึงนั้น
ตามพุทธประวัติเป็นปางที่พระพุทธองค์ พิจารณาธรรมสังเวช หมายถึง อสุภกรรมฐาน
ด้วยเหตุนี้ ผู้ที่เกิดวันศุกร์จึงควรมีพระปางรำพึงไว้เป็นอณุสติไว้ ไม่ให้หลง


สำหรับพระเครื่อง ที่เหมาะสมกับผู้ที่เกิดวันศุกร์นั้น
จึงควรเป็นพระปิตตาภควัมปติ เพื่อเป็นลักษณะอณุสติเตือนใจ มิให้หลงในสิ่งต่างๆ
และเสริมดวงโชคลาภวาสนา จะไหลมาอย่างที่คาดไม่ถึง
พระพิมพ์ปิตตาภควัมปติที่มีชื่อเสียงอาทิ
เช่น พระภควัมปติ ของหลวงพ่อแก้ว จ.ชลบุรี
พระภควัมปติของหลวงปู่เอี่ยม วัดสะพานสูง จ.นนทบุรี ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันศุกร์ 
พระคู่กาย ควรจะเป็นพระปิตตา มหาอุตม แบบต่างๆ เป็นดีที่สุด


พระประจำวันเสาร์ ได้แก่ ปางนาคปรก  
โบราณจารย์ถือว่า คนเกิดวันเสาร์นั้นดวงแข็งไม่มีผู้ใดทำร้ายได้
จึงถือเอาพระปางนาคปรกเป็นพระประจำวันเกิด เนื่องจากหมายถึง
พระยามุจรินทร์นาคราช มาแผ่พังพาฬป้องกันภยันตรายต่างๆแก่พระพุทธองค์


สำหรับพระเครื่อง ที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่เกิดในวันเสาร์
เนื่องจากดาวเสาร์ เป็นคนจริงจังเคร่งเครียด
พระพิมพ์ที่เสริมดวงของผู้ที่เกิดวันนี้นั้นควรจะเป็น
พระที่ทำจากว่านอันเป็นคุณลักษณะที่เย็นและบริสุทธิ์จากธรรมชาติ อาทิเช่น
พระว่านหลวงปู่ทวด วัดช้างไห้ ปัตตานี , พระกำแพงว่านหน้ากอง หน้าเงิน
พระว่านจำปาศักดิ์ ประเทศลาว , พระมหาว่านขาว มหาว่านดำ สำนักเขาฮ้อ พัทลุง ฯลฯ
สรุป สำหรับท่านที่เกิดวันเสาร์ พระคู่กายควรเป็น พระเนื้อว่าน เป็นดีที่สุด