วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

พระแม่ลักษมี เทวีแห่งความงดงาม ความร่ำรวย และความอุดมสมบูรณ์

พระลักษมี 
พระแม่ลักษมีเป็นสัญลักษณ์แห่งความงาม เป็นเทพที่น้ำพระทัยดี อ่อนหวาน นิ่มนวล
มีพระสุรเสียงอันไพเราะ เป็นตัวอย่างของความงามอันพร้อมสรรพเท่าที่สตรีพึงมีในโลกนี้
และถือว่าเป็นผู้นำมาซึ่งความเจริญ

ในตำนานได้กล่าวไว้ว่า พระแม่ลักษมี มีกำเนิดจากฟองน้ำ
ในขณะที่ผุดขึ้นมานั้นนั่งมาในดอกบัวและมือถือดอกบัวด้วย
พระแม่ลักษมีเป็นธิดาของพระฤาษีภฤคุกับนางขยาติ
และยังกล่าวต่อไปอีกว่าพระแม่ลักษมีเป็นมารดา ของพระกามเทพด้วย

ผู้ที่ศรัทธาจะถือกันว่า พระแม่ลักษมีเป็นเทพนารีผู้อำนวยโชค
มีน้ำพระทัยเมตตาปราณีอยู่เป็นนิจ
เป็นตัวอย่างแห่งนางที่งามตลอดทั้งรูปและกิริยามารยาท มีวาจาเปี่ยมด้วยเสน่ห์และไพเราะ
ทั้งถือกันว่าเป็นผู้นำมาซึ่งความเจริญทุกประการ นับกันว่าเป็นผู้อุปถัมภ์บรรดาสตรีทุกชั้น

การบูชาพระแม่ลักษมี จึงได้มีแพร่หลายทั่วไปในอินเดีย
เพราะเชื่อว่าผู้ที่สามารถบูชาจนเป็นที่พอพระทัยของพระแม่ลักษมี
ท่านก็จะทรงประทานศิริและความมั่งคั่งให้อย่างน่าอัศจรรย์ใจทีเดียว

สำหรับวันสำคัญ ที่จะบูชาพระแม่ลักษมี ก็มีหลายวันที่บูชาพระแม่ลักษมีในโอกาสต่างๆกัน
อย่างวัน ขึ้น 9 ค่ำ เดือนอัษฐะ (มิถุนายน-กรกฏาคม) เป็นการบูชา
พระนางสีดา (ลักษมีอวตาร) ร่วมกับ พระราม และ หนุมาน เรียกว่า วันสีดา นวะมี

หรืออย่างวันแรม 14 ค่ำ เดือนการติก (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เป็นวัน พิธีแห่งแสงสว่าง
เรียกว่า วันดีปาวลี เชื่อว่าพระแม่ลักษมีเทวีจะโปรดประทานความร่ำรวยแก่ผู้บูชาพระนาง

การที่พระแม่ลักษมีทรงเกี่ยวข้องกับความร่ำรวย
ก็เพราะพระนางทรงเป็นเทวีแห่งความอุดมสมบูรณ์
และความอุดมสมบูรณ์นั้น ก็หมายถึง พืชพันธุ์ธัญญาหารที่เก็บเกี่ยวได้อย่างมากมาย อีกด้วย
ดังนั้นเกษตรกรในอินเดียจึงบูชาพระแม่ลักษมีในภาคที่เป็น พระแม่โพสพ
ดังมีพระนามในการนี้โดยเฉพาะว่า พระธัญญลักษมี (Dhanya Lakshmi)

การบูชาพระแม่ลักษมี

แท่นบูชา หรือ หิ้งบูชา : ควรปูด้วยผ้าสีขาว หรือสีชมพู สามารถใช้ผ้าลายดอกไม้ หรือลายไม้
เทวาลัยหรือศาล : ควรทาด้วยสีชมพูหรือสีขาว

เครื่อง สังเวย ของถวาย

เครื่องบูชา พระแม่ลักษมี  ส่วนใหญ่เป็น ผลไม้ทั่วๆไปที่มีรสหวาน/ขนม
ดอกไม้ ที่มีสีชมพู เเละ เหลือง (กุหลาบ กับ ดาวเรือง)
ไม่ควรบูชาด้วยของคาวเช่น เลือด เเละ เนื้อ ( แต่บูชาด้วย นมสด เเละ เนยได้)
เครื่องหอม :
ธูปใช้ 15 ดอก ในกรณีต้องการบนเพื่อให้บรรลุความสำเร็จ
มีกลิ่นหรือสีอะไรก้ได้

เคล็ดลับเพิ่มเติม ถวายเงินให้กับพระแม่จำนวน 8 บาท เงินตรงนี้ เมื่อเราจะทำบุญก็ขอลา
เงินจากพระแม่ แล้วนำมาทำบุญได้ เป็นการเพิ่มบารมีแก่เราและ สร้างบุญสัมพันธ์
แก่พระแม่ได้อีกทาง หรือหากว่ามีงบประมาณเพียงพอ ก็สามารถหา โอ่งสีเงินเล็ก ๆ
และโอ่งสีทองเล็ก ๆ อย่างละโอ่ง หรือใครจะเอาใหญ่ ๆ ก็ได้ บางท่านก็ใส่น้ำให้เต็มโอ่ง
แล้วนำไปถวายท่าน บางท่านก็จะนำเหรียญบาทแทนเหรียญเงิน และเหรียญห้าสิบสตางค์
ยี่สิบห้าสตางค์ หรือสมัยนี้มีเหรียญสองบาท ซึ่งจะต้องใช้หลายบาทเลยทีเดียว
(แต่แนะนำ เหรียญห้าสิบสตางค์จะดีกว่า)
ก็จะได้เครื่องบูชาเพิ่มอีกอย่าง ซึ่งเงินตรงนี้ เราก็สามารถลาไปทำบุญ ทำกุศลได้ด้วย

อ้างอิงจาก
ขอบคุณที่มา
จากเว็บไซด์ มหาเทพ ดอท คอม 
เวป สยามคเณศ ดอทคอม
และขอร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเผยแพร่ครั้งนี้

วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

หลวงปู่ทวด

หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด  วัดช้างให้

พระเครื่องของหลวงปู่ทวดนั้นมีพุทธาคุณในด้านแคล้วคลาด ปลอดภัย
หลวงปู่ทวดถือได้ว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ในตำนานที่มีผู้ศรัทธาจำนวนมาก
ที่นิยมมักจะเป็นของวัดช้างให้ แต่จากความนิยมของผู้ศรัทธาจึงได้มีการจัดสร้าง
ในวัดต่าง ๆ มากมาย ถ้าอยากมีไว้บูชาเพื่อพุทธาคุณนั้น
ขอให้เป็นหลวงปู่ทวดไม่ว่าออกที่ใด ก็มีพุทธาคุณเหมือนกันหมด
แต่สำหรับพุทธพาณิชย์นั้น เค้านิยมหลวงปู่ทวดที่ออกที่วัดช้างให้
ที่เป็นของสะสมและมีราคาสูง มีมูลค่ามากขึ้นเรื่อย ๆ

สะสมพระเกจิคณาจารย์สายต่าง ๆ

การสะสมพระเครื่องของผมนั้น ผมได้เห็นป๊าที่ได้สะสมพระเครื่องต่าง ๆมากมาย
จากที่ไม่เคยสนใจ เมื่อได้นำพระที่ป๊ามีมาดู มาส่องทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการที่จะเริ่มสะสม
พระส่วนมากที่ป๊านำมาสะสมนั้น จะเน้นไปบูชามาจากวัด และรับจากมือของหลวงพ่อเอง
จึงไม่เป็นที่ต้องสงสัยใด ๆ เลยว่า พระที่ป๊าสะสมนั้น เป็นพระแท้แน่นอน
พระที่ป๊ามีจึงเป็นครูที่ดีให้แก่ผม ได้ศึกษาและเป็นแนวทางในการสะสมพระต่อไป
 เริ่มสะสมพระ
ผมได้เริ่มต้นสะสมพระ โดยขอพระของป๊า คือหลวงพ่อฤษีลิงดำ แห่งวัดท่าซุง
โดยได้มีพระหางหมากและพระคำข้าว

หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง อุทัยธานี หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ
เป็นพระภิกษุในพุทธศาสนานิกายเถรวาทฝ่ายมหานิกาย เจ้าอาวาสวัดท่าซุง (วัดจันทาราม)
ท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นพระอริยสงฆ์รูปหนึ่งที่สำเร็จ แล้วถึงขั้นอรหันต์

พุทธคุณของพระคำข้าวโดดเด่นในด้านโภคทรัพย์
ส่วนพระหางหมากจะโดดเด่นในด้านการเจรจา


 พุทธคุณแรงมาก ๆ ใครมีไว้ครอบครอง จะเป็นมหาโชค แค้วคาด คงกระพัน เมตตา มหานิยม
แต่โดยรวมแล้วทั้งสององค์นี้ มีพุทธคุณครอบจักรวาล
เพราะหลวงพ่อฤาษีลิงดำได้อาราธนาพระเบื้องบนมาทำพิธีปลุกเศกให้

หลวงพ่อท่านเคยเล่าเหตุการต่างๆ
ในระหว่างพิธีพุทธาพิเษกให้ลูกหลานฟัง
เช่นครั้งหนึ่งในระหว่างทำพิธี
องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เสด็จมาเป็นประธาน พระอรหันต์ พรหม
เทวดามาร่วมในพิธีมากมาย ทำให้รุกขเทวดาในวัดต้องไปอยู่ไกลถึงขอบจักวาล
เพราะเทวดาที่มีบารมีมากกว่ามาห้อมล้อมบริเวณพิธีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งนี้วัตถุมงคลของท่านทุกชิ้น นอกจากมีพุทธานุภาพแล้ว
ยังมีเทวดารักษาอยู่อีก 1 องค์

จากหนังสือ ประวัติวัดท่าซุงและหลวงพ่อพระราชพรหมยาน

พระทั้งสององค์นี้มีคุณค่าควรค่าแก่การสะสมมากครับ
ถ้าได้ศึกษาเรื่องราวของหลวงพ่อฤาษีลิงดำมาก่อน
แต่ปัจจุบันพระคำข้าวและพระหางหมาก นั้นมีการปลอมแปลงมาก
จึงเป็นที่ยากยิ่งนักที่ผู้ที่จะสะสมใหม่ ๆ จะหามาครอบครอง
โดยส่วนมากจะได้แต่ของปลอมที่มีราคาแพง
ในท้องตลาดขณะนี้ ราคาอยู่ที่ 500 บาทขึ้นไป
ส่วนของแท้นั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายมักหวงไม่ค่อยมีใครอยากปล่อยมากนัก
ราคาจึงสูง เท่าที่ทราบมาราคาโดยประมาณ ก็อยู่ที่องค์ละ 1.000 บาท ขึ้นแล้วแต่
ถ้าคุยกันถูกคอ อาจได้ของดีราคาถูกก็ได้

 ดังนั้นต้องศึกษาให้ดีเสียก่อนที่จะเช่าบูชากันนะครับ

ของสะสมพวกงา

ของสะสมงาช้าง


ของที่สะสมงาช้างนั้น เป็นของได้มาด้วยความบังเอิญ มีคนเอามาให้ จึงได้มา เป็นของหายาก
อย่างสร้อยงาเส้นนี้




มีลวดลายในเม็ดงาแต่ละเม็ดชัดเจนสวยงามมาก

จี้งา รูปหัวใจ 
งากำจัด
  งากำจัดก็ได้มาพร้อมกับจี้งารูปหัวใจ

งากำจัดนั้นแต่เดิมนั้นคนที่ได้มาเป็นชิ้นใหญ่กว่านี้
แต่มีเพื่อนที่รักกันขอก็เลยผ่าแบ่งครึ่งกัน จึงได้มาอย่างที่เห็นในภาพนี้ครับ

ส่วนล๊อคเก็ตนี้ได้มาโดยตอนแรกคิดว่าเป็นเรซิน แต่เมื่อใช้กล้องส่องดูก็เห็นลายเส้นงาสวยงาม
 เป็นของเก่าเก็บเจ้าของไม่ได้ใช้



ความเชื่อเกี่ยวกับงาช้าง งาเป็นสัญลักษณ์ของความริสุทธ์และเป็นมงคล ว่ากันว่าสามารถป้องกันคุณไสย์มนต์ดำ คนที่จะมีงาช้างไว้ในครอบครองต้องมีบารมีสูงพอควร เพราะงาช้างเป็นของแรง
เป็นของสูง ที่แต่เดิมก็จะเป็นของคู่บารมีของพระมหากษัตริย์
เช่นในอดีตที่เป็นช้างทรงของพระมหากษัตริย์


ความเชื่อเกี่ยวกับหางช้าง ถือว่าเป็นของทนสิทธิในตัวเอง เป็นของหายากเช่นกัน
ส่วนงากำจัดกำจายมีความเชื่อว่าเป็นของแรงในตัวเอง ซึ่งมีอานุภาพทวีคูณกว่าห้างช้างเสียอีก
งาสะเด็นมีฤทธิ์ครอบจักรวาล ถ้าได้นำมาบูชาไว้เพื่อเป็นสิริมงคล ก็จะกันภูติผีปีศาจ เสนียดจันไร
เป็นของวิเศษเปี่ยมด้วยพุทธาคม ผู้ใดได้ครอบครองจะต้องมีบุญบารมีเท่านั้น
สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนั้นล้วนแล้วแต่เป็นความเชื่อแต่โบราณ ซึ่งไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัดนัก
นอกจากผู้ที่ได้ครอบครองได้มีประสพการณ์ด้วยตนเองเท่านั้น ถึงจะทราบถึงความจริงว่า
ที่คนโบราณกล่าวไว้นั้น จริงเช่นไร

ทุกสิ่งจะเกิดได้จากความเชื่อและความศรัทธาเท่านั้น ถ้าคนได้ของดีของวิเศษแต่ไม่มีความเชื่อ
ความศรัทธา ไม่ปฏิบัติอยู่ในศีลในธรรม ต่อให้ได้ของวิเศษแค่ไหน
ก็ไม่ต่างจากก้อนหินดินทราย นั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสะสม หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว ออกวัดสลุด ปี 96

พระผงมีเส้นเกศา หลวงปู่เผือก วัดกิ่งแก้ว
ออกวัดสลุด ปี 96 เป็นพระพิมพ์หลวงพ่อโต


พระผง พิมพ์สี่เหลี่ยม หลังปั้มยันต์ มีเส้นเกศา

ออกวัดสลุด ปี2496 หลวงปู่เผือกวัดกิ่งแก้ว สมุทรปราการ

เนื้อหามวลสารเข้มข้น

หลวงปู่เผือก  เป็นพระคณาจารย์ชื่อดังองค์หนึ่ง
ของชาวสมุทรปราการ

วัตถุมงคลที่ท่านได้จัดสร้างมีอยู่มากมายหลายรุ่น
เช่น เหรียญ  รูปหล่อ  พระกริ่ง  พระเนื้อผง
และเครื่องรางของขลังอีกมากมาย
และที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ พระผงรุ่นขุดสระ  สร้างในปี พ.ศ.2460-2465
มี 3 พิมพ์ คือ พิมพ์ใหญ่  พิมพ์เล็ก  และพิมพ์สามเหลี่ยม

พุทธคุณที่โดดเด่นของวัตถุมงคลของหลวงปู่เผือกนั้น
ดีในด้านเมตตา ค้าขาย ความแคล้วคลาดปลอดภัย
จึงทำให้เป็นที่นิยมในหมู่ลูกศิษย์และชาวบ้านในและแวกนั้นที่ได้
มีประสพการณ์จนเป็นที่ประจักษ์แก่บรรดาศิษย์และชาวบ้านแถวนั้น
จึงเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมาก
จึงได้มีการจัดลำดับความนิยมในวัตถุมงคลของหลวงปู่เผือกได้ดังนี

๑๐ อันดับพระยอดนิยม “หลวงปู่เผือก” วัดกิ่งแก้ว
๑.พระรุ่นขุดสระ ปี ๒๔๖๐-๒๔๖๕ พิมพ์ใหญ่ ราคาหลักแสนต้น ถึงหลักแสนกลาง
๒.พระรุ่นขุดสระ ปี ๒๔๖๐-๒๔๖๕ พิมพ์เล็ก ราคาหลักแสนต้น ถึงหลักแสนกลาง
๓.พระรุ่นขุดสระ ปี ๒๔๖๐-๒๔๖๕ พิมพ์สามเหลี่ยมแจกแม่ครัว ราคาหลักแสนต้น
๔.เหรียญฝาบาตร รุ่นแรก ปี ๒๔๘๑ ราคาหลักแสนต้นขึ้นไป
๕.พระพุทธชินราช พิมพ์สองเดือย อกเลาหน้า-อกเลาหลัง ปี ๒๔๘๕ ราคา ๒ แสนขึ้นไป,
พระพิมพ์สมเด็จรัศมี ฐานสามชั้น เนื้อผง รุ่นอินโดจีน ปี ๒๔๘๕ ราคาประมาณ ๒ หมื่นขึ้น
๖.พระพุทธชินราช ปี ๒๔๘๖ อุดใหญ่ หลักหมื่นกลางขึ้นไป (เนื้ออัลปาก้า สวยๆ ขึ้นหลักแสน)
๗.เหรียญสี่เหลี่ยม รุ่น ๒ ปี ๒๔๙๖ หลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นกลาง (เนื้อเงินหลักแสนขึ้นไป)
๘.เหรียญเสมาหลังยันต์ และหลังพระพุทธรูป ปี ๒๔๙๖ หลักหมื่นต้น
๙.พระขุนแผน ปี ๒๔๙๖ พิมพ์ใหญ่และพิมพ์กลาง หลังยันต์
ราคาหลักหมื่นปลายขึ้นไป (เนื้อสบู่เลือดหลักแสนต้น)
๑๐.นางกวักพิมพ์สี่เหลี่ยม ปี ๒๔๙๖ หลังยันต์
หลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นกลาง (เนื้อสบู่เลือดหลักแสนต้น)
พระพิมพ์สมเด็จเก้าชั้นอกวี หลังยันต์ ปี ๒๔๙๖
หลักหมื่นต้นถึงหลักหมื่นกลาง

(หมายเหตุ- ราคาเช่าหาโดยประมาณ ถือเอาสภาพขององค์พระเป็นหลัก)

ที่มา http://www.komchadluek.net/detail/20131027/171386.html

อ้างอิง ภาพประกอบจาก เวปพลังจิต

วันพุธที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

พระสะสม พระสุนทรีวาณี

พระสุนทรีวาณี
พระสุนทรีวาณี
เป็นพระที่ผมได้มาเพราะความบังเิอิญ เนื่องจากมีคนแก่ได้มอบให้
จากที่ไม่เคยได้รู้จัก เมื่อค้นหาประวัติพระสุนทรีวาณีนี้แล้ว
ก็ทำให้รู้สีกได้ถึงความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างมากครับ

ประวัติ..พระสุนทรีวาณี
เป็นพระปางพิเศษ เป็นรูปเทพธิดาทรงอาภรณ์อันงดงามวิจิตร
หัตถ์ขวาแสดงอาการกวัก คือ การเรียกเข้ามาหา
หัตถ์ซ้ายหงายอยู่บนพระเพลา (หน้าตัก)
มีดวงแก้ววิเชียร (เพชร) อยู่ในหัตถ์

พระสุนทรีวาณี เป็นพระซึ่งเกิดจากการนิมิต
แห่งพระคาถาสุนทรีวาณี
ซึ่งเป็นคาถาที่ปรากฎ ในคัมภีร์สัททาวิเสส มี ๓๒ คำ

พระคาถานี้เป็นพระคาถาศักดิ์สิทธิ์
ผู้ใดเมื่อเรียนพระไตรปิฎก เรียนพระธรรม
เรียนวิชา ภาวนาแล้ว ดับอวิชชา บังเกิดปัญญางาม
ปัญญากลายเป็นสัญญา คือ ความทรงจำอันเลิศล้ำ
โบราณาจารย์ได้สั่งสอนศิษยานุศิษย์ให้ท่องทุกครั้ง
ที่เรียนพระไตรปิฎกตลอดมา

สืบได้ความว่า ผู้ที่ท่องคาถานี้เฉพาะในยุครัตนโกสินทร์
ดำรงสมณศักดิ์ เป็นสมเด็จพระสังฆราช ๓ พระองค์
เป็นพระสมเด็จ พระราชาคณะ เป็นพระคณาจารย์ผู้มากด้วยเมตตา

คาถาพระสุนทรีวาณี

ตั้ง นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต
อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ (๓ จบ)


มุนินทะ วะทะนัมพุชะ คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี มัยหัง ปิณะยะตังมะนัง

ถ้าอยากให้มีผลทางด้านค้าขาย โชคลาภ ให้ภาวนาเพิ่มว่า


เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก
โส มานิมา ฤ ฤา ฦ ฦา
สา มานิมา ฤ ฤา ฦ ฦา

(ฤ ฤา ออกเสียงว่า ลึ ลือ / ฦ ฦา ออกเสียงว่า รึ รือ)

 อนึ่ง พระสุนทรีวาณี เป็นพระที่ทรงไว้ด้วยความเมตตาอย่างสูง
เป็นพระที่เป็นสิริมงคลมหาลาภต่างๆ จึงเหมาะแก่ห้างร้าน บริษัท
และร้านค้าทั่วจะมีไว้บูชาเพื่อเจริญด้วยลาภ ยศ ความสุข สรรเสริญ
ตลอดจนการเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงานของตน

พระคาถานี้บริกรรมจึงพบความอัศจรรย์ว่า
“ผู้ใดปัญญาดี จะสามารถเรียนวิชาทุกประการ และจำได้แม่นยำ
ผู้ใดปัญญาไม่ดีนัก บริกรรมแล้วจะเป็นวาสนามหานิยม”



สมเด็จพระวันรัต (แดง สีลวัฑฒโน)
อดีตเจ้าอาวาสองค์ที่ ๓ ของวัดสุทัศนเทพวราราม
ภาวนาแล้วเกิดเป็นนิมิต จึงให้จิตรกรหลวงเขียนภาพนิมิตนั้น
แล้วตั้งบูชาที่หัวนอน

ครั้นต่อมารัชกาลที่ ๕ เสด็จประพาสยุโรป
จึงเสด็จไปกราบสมเด็จพระวันรัต (แดง) แล้วออกพระโอษฐ์ ว่า...
“โยมจะไปเจริญสัมพันธไมตรีต่างประเทศ
มิเช่นนั้นชาวต่างชาติจะล่าอาณานิคม
โยมมีความกังวลใจ ๒ เรื่อง คือ การฝ่าอันตรายในการเดินทาง
และเกรงว่าการเจริญสัมพันธไมตรีจักไม่สำเร็จ
พระคุณท่านมีอะไรให้โยมติดตัวไปบ้าง”
เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงตรัสอย่างนี้แล้ว สมเด็จพระวันรัต (แดง) เข้ากุฏิ
แล้วเขียนพระคาถาสุนทรีวาณีถวาย
ทั้งได้ถวายพระพรว่า “ถ้ามหาบพิตรเกิดความกังวลพระทัย
ในสองประการ ขอจงจำเริญบริกรรมคาถาด้วยศรัทธา สติ สมาธิ
ก็จะเกิดองค์ฌาน สมาบัติ พระราชกิจจะสำเร็จดังพระราชฤทัย”
       เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงเสด็จกลับสยามประเทศ
ได้เสด็จไปนมัสการสมเด็จพระวันรัต (แดง)
แล้วตรัสเล่าว่า “พระคาถาสุนทรีวาณีนี้ศักดิ์สิทธิ์
โยมบริกรรม เวลาเหยียบเรือรบฝรั่ง
ขนาดใหญ่ ก็บริกรรม พอเท้าแตะเรือรบ เกิดสะเทือนยาบยวบทั้้งลำเรือ
พวกฝรั่งตกใจมาก ต่อมาฝรั่งเอาม้าเทศมาให้ขี่
รู้ทีเดียวว่าม้ากับคนไม่คุ้นกันก็จะพยศและสะบัด
ฝรั่งจะทำให้อับอายขายหน้า โยมจึงขอหญ้าหนึ่งกำมือ
บริกรรมคาถาแล้วให้ม้ากิน ม้ามันเชื่อง บังคับง่าย
เป็นที่อัศจรรย์ใจของฝรั่ง (ม้าตัวนั้นก็คือม้าตัวที่ทรงที่บรมราชานุสาวรีย์
หน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมนี้เอง จึงเป็นม้าที่ยืนด้วยความเชื่อง
มิใช่เลียนอนุสาวรีย์แบบฝรั่งสร้างทั่วไป)

จึงได้ตรัสว่าคาถานี้ศักดิ์สิทธิ์  เมื่อพระพุทธเจ้าหลวงตรัสแล้ว
จึงถามประวัติพระคาถา สมเด็จพระวันรัต (แดง)
ถวายพระพรเล่าที่มาแล้ว จึงอัญเชิญเสด็จเข้าในกุฏิ
ให้ทอดพระเนตรภาพจิตรกรรมพระสุนทรีวาณี
พระพุทธเจ้าหลวงทรงเลื่อมใสยิ่ง
จึงออกพระโอษฐ์ยืมไปบูชาเป็นเวลา ๕ ปี

       จนเมื่อสมเด็จพระวันรัต (แดง) อาพาธ ก่อนมรณภาพ
จึงขอพระราชทานคืนวัด
ปัจจุบันประดิษฐานที่ พระตำหนัก (คณะ ๖) วัดสุทัศนเทพวราราม
ได้มีการสร้างเหรียญ และเหรียญหล่อแล้วหลายครั้ง
พร้อมกับหล่อองค์บูชาขนาดหน้าตัก ๕ นิ้ว ไว้ด้วย

สำหรับ พระสงฆ์ที่บริกรรมพระคาถานี้ในยุครัตนโกสินทร์  
คือสมเด็จพระสังฆราช (สุก) เสกข้าวให้ไก่ป่ากินไก่ป่ายังเชื่อง
สมเด็จพระวันรัต (แดง)
สมเด็จพระสังฆราช (แพ)
สมเด็จพระสังฆราช (อยู่) วัดสระเกศฯ
พระวิสุทธาธิบดี (ไสว) วัดไตรมิตรวิทยาราม
พระอุบาลีคุณูปมาจารย์ วัดไร่ขิง ท่านเขียนจิตรกรรมไว้ที่วัดไร่ขิงด้วย
พระเทพสุวรรณโมลี (สอิ้ง) เจ้าคณะจังหวัดสุพรรณบุรี รูปปัจจุบัน
หลวงพ่อทอง จังหวัดสงขลา
หลวงพ่อแก้ว วัดเครือวัลย์ ชลบุรี
หลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง
 พระคณาจารย์สายวัดสุทัศน์ฯ
เมื่อจะเข้าสู่การบริกรรมเสกวัตถุมงคลและลงอักขระ เลขยันต์
ก็บริกรรมคาถาพระสุนทรีวาณี ทุกรูปไป

พระคาถาสุนทรีวาณี

มุนินทะ วะทะนัมพุชะ        
คัพภะสัมภะวะ สุนทะรี
ปาณีนัง สะระณัง วาณี       
มัยหัง ปิณะยะตัง มะนัง ฯ

       “ข้าพระพุทธเจ้าขออาราธนานางฟ้า คือพระไตรปิฎก
ผู้มีรูปอันงาม เกิดแต่ท้องประทุมชาติ คือพระโอษฐ์ของพระพุทธเจ้า
ผู้เป็นใหญ่กว่านักปราชญ์ทั้งหลาย มะนัง ขอจงมาสู่มโนของข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจะปฏิบัติละเสียซึ่งอาสวะกิเลส ที่ดองอยู่ในสันดานของข้าพเจ้า
ทั้งอย่างหยาบ อย่างกลาง  และอย่างละเอียดให้สิ้นไปเสื่อมไป
ข้าพเจ้าจะไม่ทำให้เป็นอัตตกิลมถานุโยค ไม่ทำให้ลำบากแก่สังขาร”

 ที่มา เวปwww.katitham.com (พระราชวิจิตรปฏิภาณ)
                                             ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุทัศนเทพวราราม
                                                   วัดสุทัศนเทพวราราม
                                                     กรุงเทพมหานคร



ที่มา เวปพลังจิต

พระสะสม หลวงพ่อโสธร ปี 2497 พิมพ์พระสมเด็จ

ด้านหน้าหลวงพ่อโสธร พิมพ์พระสมเด็จ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2497

ด้านหลังหลวงพ่อโสธร พิมพ์พระสมเด็จ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2497

หลวงพ่อโสธร พิมพ์พระสมเด็จ เนื้อผงพุทธคุณ ปี 2497
วัดโสธรวราราม จ.ฉะเชิงเทรา

เนื้อมวลสาร เหมือนพระสมเด็จวัดระฆังมากครับ
สภาพสวยมาก เก่าเก็บ